POSTED BY TRAVELBARADMIN | Saturday, August 10, 2019 - 16:23
อัมสเตอร์ดัม (Amsterdam) เป็นเมืองหลวงของประเทศเนเธอร์แลนด์ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอัมสเติล (Amstel) เริ่มก่อตั้งประมาณคริสต์ศตวรรษที่12 ปัจจุบันเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของเนเธอร์แลนด์ เป็นเมืองศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของทวีปยุโรป โดยเฉพาะช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 ซึ่งเป็นช่วงยุคทองของเนเธอร์แลนด์
อัมสเตอร์ดัม เมืองศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของทวีปยุโรป Cr.pic.: Shutterstock
อัมสเตอร์ดัมเป็นเมืองหนึ่งในยุโรปที่ยังคงรักษาความเป็นเมือง ศตวรรษที่ 17 ไว้ได้เป็นอย่างดี ในเวลาเดียวกันก็มีความร่วมสมัยผสมผสานอยู่ด้วย เป็นสถานที่เจริญก้าวหน้า เต็มไปด้วยพลังมีชีวิตชีวา การเดินทางสามารถนั่งเรือไปตามคลองต่างๆ หรือขี่จักรยานไปตามถนน ทั้งยังเข้าถึงงานของศิลปินต้นแบบอย่าง แรมแบรนด์ท หรือแวนก๊อก ด้วยการไปชมงานของเขาในพิพิธภัณฑ์
การเดินทางทางเรือยังคงเป็นการคมนาคมหลักของอัมสเตอร์ดัม Cr.pic.:Shutterstock
อัมสเตอร์ดัมยังคงรูปลักษณ์ในอดีต วันนี้ของอัมสเตอร์ดัมก็ทำให้นึกย้อนกลับไปนึกถึงการวางผังเมืองเมื่อครั้งศตวรรษที่ 16 ซึ่งเป็นยุคทองของฮอลล์แลนด์ เมื่อชาวดัชท์ได้เดินเรือค้าขายไปทั่วโลก ทำให้เมืองนี้เป็นเมืองที่รวยที่สุดในโลก ในอดีตอันสเตอร์ดัมใช้คลองในการเดินทางเป็นหลัก มาวันนี้คลองได้ต่อเชื่อมกับสถานีรถไฟ กับจัตุรัสใหญ่และพระราชวัง จากศูนย์กลางเมือง ได้เปิดออกคล้ายพัดที่คลี่ออก ด้วยสะพานนับร้อย และคลองอีกมากมาย ในการเชื่อมส่วนอื่นของเมือง
คลองเป็นทางสัญจรที่ใช้ในอดีตมาจนถึงปัจจุบัน Cr.pic.:Shutterstock
การเดินเรือค้าขายสร้างความร่ำรวย สร้างเมืองนี้ขึ้นมาบนไม้จำนวนมากที่รองรับอยู่เบื้องล่าง มีการสร้างทาวน์เฮ้าส์ที่มีจั่วประดับอย่างสวยงาม สะพานเก่าข้ามแม่น้ำแอมสเทลที่มีมาแต่ดั้งเดิม ได้สร้างขึ้นมาอย่างสมดุลด้วยความชาญฉลาด และสะพานยังดูโอ่อ่า มันสามารถยกขึ้นและวางลงใช้งานได้ดีเหมือนกับที่สมัยที่ได้สร้างขึ้นมา เมืองได้สร้างเขื่อนบนแม่น้ำ Amstel จึงเป็นที่มาของชื่อเมือง Amsterdam ในที่สุด จุดที่แม่น้ำไหลสู่ทะเล และจากที่นี่เป็นเส้นทางที่เรือสามารถแล่นเข้าสู่ยุโรป หรือออกไปสู่โลกกว้าง
ประตูน้ำในแม่น้ำ Amstel เป็นที่มาของชื่อเมือง Amsterdam, Cr.pic.Shutterstock
ในอดีตพ่อค้าได้เดินทางเข้ามาทางคลองหลักเข้าสู่ท่าเรือ เขาได้บรรทุกสินค้าที่มีค่ามามากมาย เช่น ผ้าไหม เครื่องเทศ และเครื่องกระเบื้องเคลือบ มาจากดินแดนที่ห่างไกล ท่าเรือ Amsterdam เป็นท่าเรือสำคัญ ก่อนที่สินค้าจะขนถ่ายไปสู่เมืองต่างๆ
ที่อยู่อาศัยย่าน Jordaan ที่เงียบสงบ, Cr.pic.:Shutterstock
Amsterdam เป็นเมืองที่มีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา มีชีวิตชีวา คุณสามารถลงเรือข้ามฟากเพื่อชมเมือง หรือเช่าเรือที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า และอาศัยการนำทางจากข้อมูลของทัวร์ไกด์ การสร้างอาคารบนพื้นที่อ่อนตัวมากๆ อย่างที่นี่ ทุกสิ่งที่เป็นสิ่งก่อสร้าง ทั้งบ้าน สะพาน และกำแพงที่กั้นตลิ่งจึงสร้างอยู่บนกองไม้โอ้คที่สุมตัวกัน ไม้เหล่านี้ขนมาจากป่าดำในประเทศเยอรมนี
คลองกว่า 160 สายในอัมสเตอร์ดัมขุดขึ้นด้วยแรงงานคนทั้งสิ้น, Cr.pic.: Shutterstock
คลองใน Amsterdam ทั้งหมดมีกว่า 165 สาย ทั้งหมดเป็นคลองที่ขุดด้วยแรงงาน ด้วยแรงจากสองมือล้วนๆ ในศตวรรษ ที่ 17 ใช้เวลาขุดอยู่ถึง 30 ปี เป็นเส้นทางที่ชาวเมืองได้ใช้มันตลอดมาจนถึงปัจจุบัน และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยยูเนสโก (UNESCO) มีคลองในบริเวณที่เรียกว่า Jordaan นั้นเป็นถิ่นที่มีเอกลักษณ์ เป็นที่นิยมมากทีเดียว คนชอบจะอยู่อาศัยย่านนี้ เดิม Jordaan เคยบริเวณเป็นคลังสินค้า และที่พักคนทำงานในอดีต เป็นที่เงียบสงบที่สร้างขึ้นมาในศตวรรษ 16 ปัจจุบันเป็นที่พักของศิลปินและคนรุ่นใหม่ มีเพียงร้านอาหารขนาดเล็กและร้านกาแฟที่น่านั่งเพียงเล็กน้อย และอีก 2-3 บล็อกเท่านั้นที่ยังเป็นสำนักงานธุรกิจ เมื่อมาที่นี่ดูเหมือนจะเป็นอีกโลกหนึ่งที่ได้หนีความวุ่นวาย
ชาวเมืองนิยมใช้จักรยานเป็นพาหนะกันมาก, Cr.pic.: Shutterstock
ใน Amsterdam มีคนอาศัยอยู่นับล้าน และมีการใช้รถจักรยานกันมาก เป็นเมืองที่เป็นมิตรต่อรถจักรยานที่สุดเมืองหนึ่งในยุโรปเลยทีเดียว ช่องทางรถจักรยานอยู่ติดกับทางเดินเท้า และจะมาเงียบๆ ดังนั้นต้องเดินด้วยความระมัดระวัง เป็นชีวิตที่น่าสนุกที่ชาวเมืองนี้ดูเหมือนทำหลายสิ่งอย่างบนรถจักรยาน เช่น ขับคุยกัน ส่งของ หรือพาเด็กๆ ใส่ในรถที่มีที่นั่งข้างหน้าไปด้วย บางคู่อาจจะจอดโรแมนติกกันข้างทาง ถือว่าเป็นเรื่องปกติของที่นี่ เรียกว่ามองไปรอบๆ นั้นมีสิ่งที่เกิดได้หลายอย่างบนเจ้าสองล้อนี้ เพราะคนส่วนใหญ่ใช้จักรยานเป็นพาหนะกันทั้งนั้น
เนื่องจากที่ดินมีราคาแพง ที่พักอาศัยจึงเป็นทาวน์เฮ้าส์ขนาดเล็ก Cr.pic.: Shutterstock
ที่ดินในศตวรรษที่ 17 นั้นมีราคาแพงและการเก็บภาษีนั้นใช้การคำนวณจากพื้นที่สร้างบ้าน ดังนั้นบ้านจึงมีลักษณะเป็นทาวน์เฮ้าส์ขนาดเล็ก แต่สร้างให้สูงขึ้นไป หากค้าขายก็จะใช้ชั้นล่างที่อยู่ติดกับพื้น ชั้นที่ 2 อยู่อาศัย ส่วนชั้นบนสุดใช้เป็นพื้นที่เก็บของ หลายบ้านจึงสร้างส่วนที่ยื่นออกมาที่บนสุดของอาคารและติดรอกไว้เพื่อขนของขึ้น และนำของลงมาใช้ เพราะภายในบ้านและบันไดคับแคบมากขนของขึ้นลงไม่สะดวก ซึ่งเจ้ารอกนี้ก็ยังใช้ได้จนถึงปัจจุบัน
ลักษณะพิเศษอีกอย่างหนึ่งของทาวน์เฮ้าส์เหล่านี้ คือ มีการตกแต่งจั่วอย่างสวยงามหรูหรา ดูเหมือนบ้านสวมมงกุฎ มีลวดลายรูปทรงแตกต่างกัน ทำให้ภาพรวมของหมู่ทาวน์เฮ้าส์มีความหลากหลายน่าชมยิ่งนัก ลวดลายที่นิยมใช้มีแบบรูประฆัง รูปลดหลั้นเป็นชั้นๆ ลงมา หรือรูปคอหญิงสาว ที่ยาวตรงดูระเหิดระหงส์ทีเดียว
พิพิธภัณฑ์ Rijks, Cr.pic.: Shutterstock
พิพิธภัณฑ์ Rijks แสดงผลงานที่โดดเด่นของศิลปินต้นแบบที่มีชื่อเสียง สร้างขึ้นมาในยุคทอง จากผลงานเหล่านี้ ทำให้เข้าใจลึกซื้งเกี่ยวกับชุมชนชาวดัท์ชขึ้นอีก การค้าทำให้ฮอลล์แลนด์รุ่งเรืองมั่งคั่ง (มาทำความเข้าใจก่อนะคะว่า ฮอลแลนด์นั้นเป็นเขต 2 จังหวัดของเนเธอร์แลนด์ ดั่งเดิมนั้นรู้จักกันในชื่อฮอลแลนด์ หรือฮอลลันดา)
ภาพเหมือนที่พ่อค้าวานิชผู้ร่ำรวยจ้างให้ศิลปินวาดให้, Cr.pic.: Shutterstock
เมื่อมีเงินก็มีอำนาจมากขึ้นมา ในยุคศตวรรษที่ 17 พ่อค้าจึงจ่ายค่าจ้างให้ศิลปินนามว่า แรมแบรนด์ท ช่างเขียนภาพเหมือนมากฝีมือในยุคนั้น วาดภาพเหมือนของตนเองเป็นกลุ่ม โดยให้ความสำคัญกับทุกคน เขาแต่งตัวในชุดสูทอย่างดีเท่าๆ กัน หรือบางภาพก็ดูเข้มแข็งมีอำนาจ และความสนุกสนานในที ขึ้นกับว่าใครเป็นผู้ว่าจ้าง และมีความต้องการอย่างไร จึงเป็นครั้งแรกในยุโรปที่ปรากฏภาพที่ตอบสนองคนชั้นกลางออกมา ไม่ได้วาดภาพเกี่ยวกับศาสนา หรือกษัตริย์ เหมือนดั่งแต่ก่อน
ศิลปินอีกคน คือ Johannes Vermeer ได้วาดภาพนิ่งวิถีชีวิตภายในบ้านเรือนชาวดัตช์ออกมา มีชีวิตชีวาและความงดงามมาก ทั้งได้วาดภาพขนาดเล็ก ภาพเหล่านี้พวกพ่อค้ามีเงินพอที่จะซื้อเอาไปติดตามห้องต่างๆ โดยเฉพาะในห้องนั่งเล่น เป็นภาพที่มุ่งเน้นให้ความสุขความบันเทิงเท่านั้น
พิธภัณฑ์แวนโก๊ะ (Van Gogh Museum) Cr.pic.: Shutterstock
ในพิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะ (Van Gogh Museum) ชมผลงานของศิลปินที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งแห่ง Amsterdam คือ วินเซนต์ แวนโก๊ะ เป็นการจัดแสดงงานช่วงต่างๆ ในชีวิตของเขา เริ่มด้วยเขาเกิดในชนบทที่ยากจน มีพี่น้องวงศ์วานเป็นคนงาน ในงานเขียนภาพที่มืดทึมของกิจกรรมในครอบครัว เมื่อเป็นหนุ่มเขาเป็นคนเคร่งศาสนา จึงเริ่มที่จะเป็นบาทหลวง ได้ทำงานในโบสถ์ที่ชุมชนยากจน จากนั้นเขาตัดสินใจเริ่มวาดภาพถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดลงบนผืนผ้าใบ เมื่อย้ายไปยังปารีส ภาพของเขาได้เปลี่ยนไป เป็นภาพอิมเพรสชั่นนิสต์สีสันสดใส และฝีแปรงรุนแรงเฉียบคม จากนั้นเขาได้เปลี่ยนอารมณ์เขียนภาพไปเรื่อยๆ เหมือนกับการค้นหาตัวเอง ในปี 1888 เขาได้ย้ายไปอยู่ตอนใต้ของฝรั่งเศส ได้วาดภาพออกมาอีกมากมายที่เป็นของเขาเอง ในตอนนั้นเขาตกอยู่ในอารมณ์ซึมเศร้าอย่างรุนแรง ต้องเข้าโรงพยาบาลในท้องถิ่น ในที่สุดเขาได้ยิงตัวตาย โดยทิ้งผลงานที่เป็นเอกในโลกไว้อย่างมากมาย
โบสถ์ขนาดเล็กที่ซ่อนตัวอยู่ในอาคารธรรมดา Cr.pic.: Shutterstock
ใน Amsterdam มีร้านอาหารอินโดนีเซียในแบบของชาวดัตช์ เป็นที่นิยมกันอย่างมาก จะเสิร์ฟด้วยอาหารถึงกว่า 20 จานด้วยกัน มีเตาอุ่นเล็กๆ วางกับข้าวอยู่บนโต๊ะ ไม่มีอาหารเรียกน้ำย่อย ไม่มีอาหารจานหลัก และไม่มีของหวาน ทุกอย่างจะเสิร์ฟมาพร้อมๆ กัน ที่ประกอบด้วยไก่ทอด กุ้งน้ำจิ้มเปรี้ยวหวาน ไข่เจียว มันฝรั่งซอส กล้วยทอด เค้กเต้าหู้ เนื้อกับซอสถั่ว เนื้อซอสปาดัง ถั่วผัดเครื่องเทศ ฯลฯ อาหารเหล่านี้เป็นที่นิยม เพราะช่วงหนึ่งเมื่อกว่า 350 ปี ก่อน ชาวดัตช์ได้เข้ามาปกครองและค้าขายเครื่องเทศกับอินโดนีเซีย ที่เรียกกันว่า Spice Island และความสัมพันธ์นี้ได้ถ่ายทอดออกมาด้วยมื้ออาหารที่ชวนลิ้มลอง
Amsterdam จึงเป็นเมืองมีความร่ำรวยมาจากการค้าขายที่ชาวดัตช์ได้เดินทางไปไปต่างแดนไกลด้วยความบากบั้นมานะพยายาม อัมสเตอร์ดัมจึงเป็นเมืองที่มีความน่าสนใจทางด้านประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม รวมทั้งวิถีชีวิตสบายๆ กับการเดินทางด้วยเรือและจักรยาน จึงทำให้เป็นเมืองสะอาดน่าเดินทางไปเยี่ยมเยือนสักครั้ง
แผนที่ Amsterdam
Where to stay
1. Private Luxurious house gardenview
2. Leonardo Hotel Amsterdam Rembrandtpark
3. Luxurious Canalview Apt NO.3 CITY CENTRE
How to go There
1. Emirates Airlines
3. Qtar Airways
The best time to travel
ระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนตุลาคม
ชมดอกทิวลิป เดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม แต่ในเดือนเมษายนจะได้ดูทิวลิปได้สมบูรณ์ที่สุด
ช้อปปิ้งช่วงเวลาที่ดีที่สุดจะเป็นเดือนมกราคม และกรกฎาคม จะมีการลดราคาสินค้าในทุกปี
ABOUT THE AUTHOR
POSTED BY travelbaradmin | Saturday, August 10, 2019 - 16:23
admintator for web Travellerbar.com
LEAVE A COMMENT