เที่ยว 3 บุรี สิงห์บุรี ลพบุรี สุพรรณบุรี

POSTED BY TRAVELBARADMIN | Saturday, November 30, 2019 - 16:09

สิงห์บุรี มีดีที่ปลา

สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงเล่าถึงเมืองสิงห์ เอาไว้ว่า ".........เมืองสิงห์บุรีเป็นเมืองใหญ่และเก่า มีป้อมปราการ วัง วัดมหาธาตุ และของสำคัญ คือ พระนอนจักรสีห์ ใหญ่ยาวกว่าพระนอนองค์อื่น ๆ ในเมืองไทย เมืองสิงห์เรียกชื่อต่างๆ ดังนี้ เมืองสิงหราชาธิราช เมืองสิงหราชา เป็นเมืองตั้งอยู่ริมแม่น้ำจักรสีห์อันเป็นลำน้ำใหญ่ ห่างแม่น้ำ เจ้าพระยา 200 เส้น เพราะแม่น้ำจักรสีห์ตื้นเขิน เมืองสิงห์จึงกลายเป็นเมืองอยู่ลับลี้......" คำเล่าบ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่ของสิงห์บุรีในอดีตจากยุคก่อนประวัติศาสตร์เรื่อยมาจนถึงกรุงศรีอยุธยาในขณะที่พม่าตั้งค่ายล้อมกรุงศรีอยุธยาอยู่ มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งที่เรียกว่า บ้านบางระจันได้รวมตัวกัน ต่อสู้กับพม่าและสามารถเอาชนะกองทัพพม่าได้ถึง 7 ครั้ง จนถึงครั้งที่ 8 ชาวบ้านบางระจันจึงพ่ายแพ้ จนมีอนุสาวรีย์บางระจันสืบมา จวบจนสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ดินแดนประวัติศาสตร์ที่เคยเป็นสมรภูมิรบกล้าแกร่ง เรียนรู้และเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยจ นกลายเป็นเมือแห่งสายน้ำที่สืบสานความกล้าหาญ...มาจนถึงปัจจุบัน

อนุสรณ์วีรชนค่ายบางระจัน สายเลือดแห่งความรักและภักดี

อนุสรณ์ค่ายบางระจัน คือหนึ่งเดียวของประวัติศาสตร์ที่คนไทยทุกคนควรไปสักการะสักครั้ง เพราะเลือดรักชาติและภักดีแบบไม่เกรงกลัวความตายที่อยู่เบื้องหน้า ทำให้เราได้เป็นรัตนโกสินทร์ในวันนี้  อนุสาวรีย์แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงวีรกรรมในครั้งนี้ในตำบลบางระจัน อำเภอค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี เมื่องสองร้อยกว่าปีมาแล้ว ผู้นำชาวบ้านได้รวบรวมกำลังชายชกรรจ์กว่า 400 คน ตั้งค่ายขึ้น ณ บ้านบางระจัน เพื่อต่อสู้กับกองทัพพม่า ทัพพม่าที่แข็งแกร่งเหลือคณาต้องใช้เวลาตีค่ายบางระจันนานถึง 5 เดือนเศษ นับเป็นวีกรรมที่น่ายกย่อง และจดจำไว้ในความรักและภักดีต่อชาติจนยอมเสียสละเลือดเนื้อและชีวิต

ตลาดไทย้อนยุคบ้านระจัน

เพื่อรำลึกถึงอดีตชาวบางระจันได้จำลองตลาดย้อนยุคที่รวมของกินอร่อยๆ และกลิ่นอายของอดีตสมัยอยุธยาไว้ ตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจัน ตั้งอยู่ภายในวัดโพธิ์เก้าต้น อ.ค่ายบางระจัน จ.สิงห์บุรี เกิดขึ้นจากการที่ พระครูวิชิต วุฒิคุณ เจ้าอาวาสวัดโพธิ์เก้าต้น อยากช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ ในช่างแรกๆ ชาวบ้านนำผลผลิตทางการเกษตรมาขาย ต่อมาได้ใช้พื้นที่บริเวณนี้จัดเป็นตลาดย้อนยุคที่ขึ้นชื่อ ทั้งรูปแบบที่เหมือนได้มาเดินตลาดในอดีต ผู้ค้าแม่ขายแต่งไทยอยุธยา ลูกค้าเลยแต่งไทยมาชอปปิ้ง มีของกินมากมาย อาทิ ผัดไทย กุนเชียงหมู/กุนเชียงปลา ปลาเห็ด (ทอดมัน) ปลาร้าสับ ขนมไทยโบราณ ผักผลไม้สดๆ จากสวน  บรรยากาศในตลาดไม่ร้อน เดินเท่าไหร่ก็ไม่เหนื่อยมีร่มไม้ชายคาไว้ให้นั่งพัก เดินเล่นได้สบายๆ ไม่มีเบื่อ

"ปลาช่อนแม่ลา" ของจังหวัดสิงห์บุรี นั้นขึ้นชื่อเรื่องความอร่อย ตามรอยกันดูสิว่า ทำไมถึงแสนอร่อย ปลาช่อนแม่ลากับปลาช่อนทั่วไป มีดีอะไรที่ต่างกัน เพราะแม่น้ำแม่ลาที่เชื่อมร้อยแม่น้ำน้อยและแม่น้ำเจ้าพระยาทำให้รสชาติของปลาโดดเด่นไม่เหมอนใคร ว่ากันว่าเป็นแม่น้ำที่มีแร่ธาตุชั้นดี จึงเสริมให้ปลาช่อนที่เติบโตตรงบริเวณนี้ มีรสชาติเลื่องชื่อนั่นเอง แม้  ในปัจจุบันปลาช่อนแม่ลา จะได้จากการเลี้ยงในเขตรัศมี 5 กิโลเมตร ปลาช่อนแม่ลาก็อร่อยไม่เปลี่ยนแปลง เนื้อปลาช่อนแม่ลานุ่มและนิ่มกว่าปลาช่อนทั่วไป ชาวสิงห์บุรี ได้ช่วยกันอนุรักษ์ปลาช่อนแม่ลาไม่ให้สูญพันธุ์ d]kpเป็นปลาเศรษฐกิจของชาวบ้าน ได้ใครมาเที่ยวชิมปลาริมแม่น้ำแม่ลา มีร้านอาหารอร่อยอยู่หลากหลาย พร้อมได้ชมวิถีการเลี้ยงปลา และล่องเรือชมแม่น้ำสายสำคัญแห่งนี้อีกด้วย

สักการะพระพุทธไสยาสน์ วัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร

พระพุทธไสยาสน์ วัดพระนอนจักรสีห์วรวิหารไม่ปรากฏหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้าง และสร้างตั้งแต่ครั้งใด เพียงแต่มีตำนานเล่าสืบต่อกันมาว่า เกิดจากการปิตุฆาต เมื่อระลึกได้ภายหลังรู้สึกตัวว่าทำผิดกลัวบาปและเสียใจมาก จึงสร้างพระพุทธรูปที่มีแกนขององค์พระเป็นทองคำเพื่อไถ่บาปอันเป็นที่มาของพระพุทธไสยาสน์องค์นี้ และมีปรากฏบันทึกในเอกสารเป็นครั้งแรก ในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา คาวสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เสด็จมานมัสการพระพุทธไสยาสน์ ณ วัดพระนอนจักรสีห์ ในพ.ศ. ๒๒๙๗  

พระพุทธไสยาสน์ปัจจุบัน ปรากฏเป็นปางพระพุทธเจ้าเทศนาปาฏิหาริย์แก่อสุรินทราหูผู้เป็นยักษ์ เพื่อลดทิฎฐิอสุรินทราหูที่ถือว่าตนมีร่างกายใหญ่โตกว่ามนุษย์ โดยเนรมิตร่างกายให้ใหญ่กว่าอสุรินทราหูผู้ยักษ์ มีความยาว ๑ เส้น ๓ วา ๒ ศอก ๑ คืบ ๗ นิ้ว(๔๗.๔๐ เมตร) พระเศียรชี้ไปทางตะวันออก หันพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ และเป็นพระพุทธไสยาสน์องค์ที่ใหญ่และยาวที่สุดของประเทศไทย แม้จะไม่สามารถกำหนดอายุได้แน่ชัด แต่ต้องสร้างก่อนสมัยอยุธยาตอนปลายอย่างแน่นอน ปัจจุบันพระพุทธไสยาสน์พระพุทธรูปองค์ใหญ่สีทองเหลืองอร่าม ประดิษฐานอยู่ในวิหารวัดพระนอนจักรสีห์วรวิหานร มีผู้ศรัทธาและเลื่อมใสไปกราบสักการะไม่ขาดสาย ปัจจุบัวัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดวรวิหาร ที่ตั้งอยู่หมู่ ๒ ตำบลจักรสีห์ อำเภอเมืองสิงห์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี

ลพบุรี เสน่ห์เมืองวานร

ลพบุรี เป็นที่ตั้งของชุมชนมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์  การสร้างเมืองลพบุรีตามประวัติศาสตร์ในพงศาวดารโยนก  บันทึกว่า ผู้สร้างเมืองลพบุรีหรือที่เรียกว่า "ละโว้" ในสมัยโบราณ คือ "พระเจ้ากาฬวรรณดิษ" ราชโอรสแห่งพระเจ้ากรุงขอม  เมื่อมาถึงสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช  เมืองลพบุรีได้รับการทำนุบำรุงรุ่งเรือง จนกระทั่งถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์โปรดให้บูรณะเมืองลพบุรีขึ้นมาอีกครั้งในปีพ.ศ.2406 ปัจจุบันลพบุรีเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม เพราะใกล้กรุงเทพมหานคร เดินทางไปมาสะดวก

เที่ยวพระปรางค์สามยอด กราบศาลพระกาฬ

พระปรางค์สามยอด สถาปัตยกรรมทางวัฒนธรรมที่แตกต่างในเชิงประวัติศาสตร์และโบราณคดี เชื่อมร้อยความเป็นขอมส่งมายังลพบุรีและอยุธยา พระปรางค์สามยอดถ่ายทอดผ่านศิลปะบายน รัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ด้วยลักษณะเป็นปราสาทปรางค์เรียงต่อกัน 3 องค์ เชื่อมต่อกันด้วยมุขกระสัน วางตัวในแนวเหนือ-ใต้ ด้านในประดิษฐานพระพุทธรูปในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ที่มีความสำคัญ พระปรางค์สามยอด จึงเป็นกระจกสะท้อนที่ทำให้เห็นความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์ของขอม ส่งต่อศิลปะที่คลี่คลายสู่อยุธยา โดยผ่านสมัยลพบุรี

กราบศาลเจ้าพ่อพระกาฬ ศาลพระกาฬถือเป็นศาลที่อยู่ของเทพอารักษ์ประจำเมือง จารึกโบราณมีชื่อ "องค์พระกาฬไชยศรี" เจ้าพ่อพระกาฬเป็นเทวรูปรุ่นเก่าซึ่งอาจเป็นพระวิษณุ ซึ่งเป็นเทพที่คอยรักษาบ้านเมืองและทรงฤทธานุภาพสามารถให้คุณให้โทษ แต่เดิมพระกาฬมีพระกายสีดำ ปัจจุบันพระกาฬไม่เหลือเค้าเดิมซึ่งมีสีดำอีกเพราะถูกปิดทองจากผู้ศรัทธาว่ากันว่าการได้เดินทางมาบูชาสักการะองค์เจ้าพ่อพระกาฬ ถือว่าเป็นการสร้างความเป็นสิริมงคลให้เกิดกับตนและทำให้ศัตรูยำเกรงไม่กล้าทำอันตรายอีกด้วย

เล่าขาน เรื่องพระนารายณ์ราชนิเวศน์

"วังนารายณ์" หรือพระนารายณ์ราชนิเวศน์ เป็นพระราชวังที่สมเด็จพระนารายณ์มหาราช โปรดให้สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 2208-2209 ออกแบบโดยวิศวกรชาวฝรั่งเศส จึงงดงามตามสมัยในแบบสถาปัตยกรรมไทยผสมตะวันตก วังนารายณ์ทรงโปรดประทับช่วงตลอดช่างฤดูฝน ต่อมาถูกทิ้งร้าง และในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้บูรณะพระราชวังของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช สร้างพระที่นั่งขึ้นใหม่ และพระราชทานนามว่า "พระนารายณ์ราชนิเวศน์" มาจนถึงปัจจุบัน

ชมทุ่งทานตะวัน ... ดอกไม้แห่งขุนเขา

แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม งดงามยามต้องแสง ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-มกราคมของทุกปี ดอกทานตะวันคือดอกไม้แห่งพระอาทิตย์ บานเป็นทุ่งกว้าง โชว์ดอกสวยๆ ให้นักท่องเที่ยวได้แย้มยิ้มถ่ายภาพเป็นที่ระลึก สถานที่ท่องเที่ยงแนวธรรมชาติแห่งนี้ เบ่งบานกระจายตัวอยู่ทั่วไปทั้งจังหวัด หน้าหนาวลพบุรีจึงสดใสและเหลืออร่าม มีทั้งในเขตอำเภอพัฒนานิคม อำเภอชัยบาดาล และที่งดงามมีฉากหลังเป็นขุนเขาคือบริเวณเขาจีนแล ตำบลโคกตูม ใครๆ ก็ชอบทานตะวัน ต้องไปถ่ายภาพสวยอวดโซเชียลกันสักครั้งถึงจะไม่ตกเทรนด์ และนอกจากความสวยแล้ว ดอกทานตะวันยังเป็นพืชเกษตรทำเงินที่สร้างรายได้ให้กับชาวบ้าน เพื่อนำเมล็ดมาสกัดเป็นน้ำมันปรุงอาหาร หรืออบแห้งเพื่อรับประทานได้อีกด้วย

สุพรรณบุรี ที่นี่อนุรักษ์ควายไทย

"จังหวัดสุพรรณบุรี" แผ่นดินที่รุ่งเรืองและเฟื่องฟูเมื่อ 2,500 ปีล่วงมาแล้ว พบหลักฐานทางประวัติศาสตร์มากมาย ทำให้สันนิษฐานได้ว่าจังหวัดสุพรรณบุรีเป็นเมืองที่พระพุทธศาสนาสืบสานอย่างหนาแน่น ต่อเนื่องและยาวนาน มีทั้งหลักฐานทางโบราณคดีได้จารึกชื่อไว้ในพงศาวดารเหนือ และชื่อ "สุพรรณภูมิ" ได้ปรากฏในศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ระบุว่าเป็นนครรัฐที่มีความสำคัญมาก่อนกรุงศรีอยุธยา เมื่อมีการสถาปนากรุงศรีอยุธยา เมืองสุพรรณบุรีจึงจัดอยู่ในฐานะเมืองลูกหลวงซึ่งเป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำที่สำคัญ จากอดีตจนสู่ปัจจุบัน

 หมู่บ้านควายไทย อู่ข้าวอู่น้ำจากอดีตถึงปัจจุบัน

หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย ตั้งอยู่ที่อำเภอศรีประจันต์ บรรยากาศทุ่งกว้างห้อมล้อมกลุ่มบ้านเรือนไทยริมน้ำ มีทุ่งนาและบึงน้ำสลับกันไป ร่มรื่น ลมพัดเย็น กลิ่นของมุ่งน้ำ และสายน้ำ ลอยมากระทบให้ได้ชื่นใจ และไฮไลต์ก็คือเจ้าควายไทย ที่จะว่ายน้ำเล่นคลายร้อนให้นักท่องเที่ยวได้ชม รวมไปถึงมารอกินอาหารที่นักท่องเที่ยวจะคอยป้อนให้อีกด้วย ใครอยากไถนา ใครอยากขี่น้องควายย่อมทำได้ เพราะที่นี่มีกิจกรรมให้ได้สนุกกับวิถีชีวิตแบบเก่าก่อน ป้อนอาหาร ขี่ควาย วิ่งไล่ที่ชายทุ่ง น่าสนุกแน่นอนที่หมู่บ้านควายไทย

ความทรงจำสีจาง กับใจบางๆ ที่ตลาดสามชุก

สามชุกคือตลาดเก่าแก่อายุร้อยปีที่โด่งดัง กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแบบย้อนยุคอันดับต้นๆ ของภาคกลาง เพราะความร่วมมือเป็นหนึ่งเดียวกันของชาวบ้านที่ยังคงอนุรักษ์วิถีโบราณไว้ราวกับหยุดเวลาเอาไว้ ทำให้ในปี พ.ศ. 2552 ชุมชนสามชุกตลาดร้อยปี ได้รับรางวัลมรดกโลก ประเภทอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรม แห่งเอเชียแปซิฟิก จากองค์การยูเนสโก

ชุมชนสามชุก แต่เดิมบริเวณที่ตั้งอำเภอสามชุกเรียกว่า "ท่ายาง" มีชาวบ้านนำของป่าจากทิศตะวันตกมาค้าขายให้กับพ่อค้าที่เป็นชาวเรือ บ้างก็มาจากทางเหนือ บ้างก็มาจากทางใต้ เป็น 3 สาย จึงเรียกบริเวณที่ค้าขายนี้ว่า" สามแพร่ง " ต่อมาได้เพี้ยน เป็น สามเพ็ง และสำเพ็ง จากสามเพ็งทำไมเป็นสามชุก โดยมีเรื่องกล่าวต่อไปว่า ในระหว่างที่คนมารอขายสินค้าก็ได้ตัดไม้ไผ่มาสานเป็นภาชนะสำหรับใส่ของขาย เรียกว่ า"กระชุก"  ชาวบ้านจึงเรียกว่า "สามชุก" มาถึงปัจจุบัน

เพราะที่นี่โดดเด่นในแบบตลาดที่มีชีวิต ไม่ได้เป็นเพียงสิ่งที่จำลองเพื่อให้ผู้เดินตลาดได้ดูชั่วครั้งชั่วคราว แต่บรรยากาศการเดินตลาดทั้ง 2 ข้าง เสมือนภาพจริงแห่งอดีต การค้าขายยังคงรักษาวิถีแบบดั้งเดิม น้ำใจอัธยาศัยไมตรีของแม่ค้าคงเดิม ข้าวของเครื่องใช้ ขนมอาหารที่นำมาตั้งขายในตลาด เป็นสิ่งยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน หากเดินทางมาถึงตลาดสามชุกแล้วต้องไปบ้านขุนจำนงจีนารักษ์อาคารห้องแถวไม้สามชั้น ที่คงไว้ซึ่งรูปแบบเรือนเก่า ปัจจุบันตัวบ้านอยู่ภายในครอบครองของทายาท ได้ให้คณะกรรมพัฒนาตลาดสามชุกเช่าทำพิพิธภัณฑ์เป็นเวลา 10 ปี ไปร้านถ่ายภาพย้อนยุคศิลป์ธรรมชาติที่เปิดมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2493 ที่ยังคงใช้วิธีถ่ายภาพแบเดิมๆ  ไปจิบกาแฟที่ร้านกาแฟท่าเรือส่ง  กินข้าวห่อใบบัว กินขนมอร่อยๆ เช่น ขนมสาลี่ ขนมไข่ปลา ขนมดอกจอก และซื้อปลาสลิดแสนอร่อยกลับบ้าน เท่านี้ก็แสนสุขหัวใจแล้ว

สุดสายตา วัดเขาดีสลัก

การเดินทางไปวัดเขาดีสลักระหว่างทางขึ้นภูเขาในเขตอำเภออู่ทอง ราวกับเดินทางไปยังดินแดนแห่งคงามเงียบสงบ เมื่อขึ้นไปถึงเราจะพบกับภาพที่งดงามของวัดเขาดีสลัก ท่ามกลางความร่มรื่น ปรากฏอุโบสถที่มีพุทธศิลป์งดงามตามแบบรัตนโกสินทร์ สุสายตาคือจุดชมวิวของชุมชนเบื้องล่าง ภายในปรากฏรอยพระพุทธบาทจำลองสร้างด้วยหินทรายแดง มีลักษณะแตกต่างจากรอยพระพุทธบาทที่พบตามที่อื่นๆ คือ เป็นรอยพระพุทธบาทนูนต่ำ ขนาดกว้างประมาณ 65.5 ซม. ยาว 141.5 ซม. นักโบราณคดีให้ความเห็นแตกต่างกันไป บางท่านว่าเป็น ศิลปะสมัยทวาราวดี อายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 14-16 บางท่านว่า แม้รูปแบบลวดลายจะคล้ายกับศิลปะสมัยทวาราวดี แต่ก็มีรูปแบบศิลปะสมัยอื่นเข้ามาปะปน จึงอาจกกำหนดอายุการสร้างในสมัยอยุธยา ใครได้เดินทางมาบูชารอยพระพุทธบาทแห่งนี้ ย่อมนำไปสู่การได้รับการอุปถัมภ์ค้ำชู อุดหนุน ประกอบด้วยความเจริญทั้ง อายุ วรรณะ สุขะ พละ ยศศักดิ์ จะเป็นที่เลื่องลือ เป็นผู้ฉลาดในธรรม แจ่มแจ้งไม่ขัดข้องในโลก ศัตรู ทั้งหลาย ย่อมพินาศสูญสิ้นไป เป็นที่รักของมนุษย์และอมนุษย์ และมีหมู่เหล่าเทวดาคุ้มครอง

Where to Stay

สิงห์บุรี

www.thangamcityresort.com

www.facebook.com/rungaroonresort/

ลพบุรี

www.facebook.com/pg/lopburipalmresort/

www.hotelmdr.com

สุพรรณบุรี

https://www.facebook.com/bansaunrimnam/

https://www.facebook.com/tahjeenriverhome/

Travel Tips

อนุสรณ์วีรชนค่ายบางระจัน อยู่ห่างจากตัวเมืองสิงห์บุรี  15 กิโลเมตร ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 3032

ตลาดไทย้อนยุคบ้านระจัน การเดินทางไป จากถนนสุพรรณบุรี-ชัยนาม เลยตลาดสามชุก เลี้ยวขวาไปตามถนน 3032 ประมาณ 35 กม.

วัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร อยู่ห่างจากอำเภอเมืองไปตามเส้นทางสายสิงห์บุรี-สุพรรณบุรี (ทางหลวงหมายเลข 3032) ประมาณ 4 กิโลเมตร

พระปรางค์สามยอด ใช้ถนนหมายเลข 3027 เลี้ยวขวาสู่ ลบ.4003 ปรางค์สามยอดอยู่ริมทางรถไฟฝั่งตะวันตก

พระนารายณ์ราชนิเวศน์ ตั้งอยู่อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ไปประมาณ 140 กิโลเมตร  เปิดวันพุธ-วันอาทิตย์ เวลา 09.00-16.00 น.

หมู่บ้านควายไทย หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย ตั้งอยู่ที่ริมทางหลวงหมายเลข 340 (สุพรรณบุรี-ศรีประจันต์) การเดินทางออกจากกรุงเทพไปทางถนนกาญจนาภิเษก เข้าสุพรรณบุรีแล้วออกไปที่ทางหลวงเส้น 340 จนถึงกิโลเมตรที่ 115-116 เลี้ยวขวา ก็จะเจอหมู่บ้านควายไทย

ตลาดสามชุก การเดินทาง จากตัวเมืองสุพรรณบุรี ให้ไปตามหลวงหมายเลข 340 แยกเข้า อ. สามชุก ตัวตลาดอยู่ริมแม่น้ำสุพรรณติดกับที่ว่าการอำเภอสามชุก เปิด ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 - 17.00 น.

วัดเขาดีสลัก ใช้ทางหลวงหมายเลข 340 ก่อนถึงตัวเมืองสุพรรณเลี้ยวซ้าย เข้าเส้นทางหลวงหมายเลข 357 ขับตรงไปประมาณ 10 กิโลเมตร พบแยกให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนมาลัยแมน (321) ขับไปอีก 21 กิโลเมตร มุ่งหน้าสู่อำเภออู่ทอง ถึงแยกอู่ทองเลี้ยวขวาไปประมาณ 3 กิโลเมตร จะพบทางเข้าวัดเขาดีสลักอยู่ซ้ายมือ ขับตรงเข้าไปอีก 10 กิโลเมตร พบทางวนขึ้นไปชมพระพุทธบาท

travelbaradmin's picture

ABOUT THE AUTHOR

POSTED BY travelbaradmin | Saturday, November 30, 2019 - 16:09


admintator for web Travellerbar.com


RELATED FEED

POSTED BY travelbaradmin | Wednesday, January 03, 2024 - 15:18

Aurora Australis Tasmania


LEAVE A COMMENT

POSTED BY travelbaradmin | Friday, August 11, 2023 - 18:28

Khan al Khalili Market


LEAVE A COMMENT

POSTED BY travelbaradmin | Tuesday, July 25, 2023 - 15:57

Wagah Border Ceremony


LEAVE A COMMENT