POSTED BY TRAVELBARADMIN | Sunday, November 10, 2019 - 09:21
เมื่อเอ่ยชื่อพรอวองซ์ ภาพดอกลาเวนเดอร์บานเต็มทุ่งลอยเด่นเข้ามาในห้วงคำนึง แต่แท้จริงแล้วพรอวองซ์ไม่ได้มีเพียงแค่ดอกไม้สีม่วงชวนผ่อนคลายที่โด่งดังไปทั่วโลกเท่านั้น ในฐานะที่เป็น 1 ใน 18 แคว้นสำคัญของประเทศฝรั่งเศส พรอวองซ์มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายชวนใฝ่หา นับตั้งแต่ทุ่งดอกลาเวนเดอร์สุดลูกหูลูกตา ไวน์ชาโต เมืองรีสอร์ทตากอากาศสุดหรูแถบเฟรนช์ริเวียร่า เมืองท่าขนาดใหญ่ติดทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ไปจนถึงเมืองแห่งสันตะปาปาที่อาวิญง การเลือกจุดหมายสักแห่งให้ครอบคลุมเสน่ห์พรอวองซ์เป็นเรื่องทำใจลำบาก เราเลือกแอ็กซองพรอวองซ์ (Aix-en-Provence) เป็นจุดประเดิมเริ่มแรกในการทำความรู้จักกับตัวตนของพรอวองซ์
ถนนที่มีเอกลักษณ์ของAix-en-Provence Cr.pic.: lawschools.elsa.org
เเอ็กซองพรอวองซ์ (Aix-en-Provence) หรือชื่อเดิมว่าแอ็กซ์ (Aix) เป็นศัพท์มาจากภาษากรีกโบราณหมายถึง Aqua หรือน้ำ ปัจจุบันมีสถานะเป็นเมืองเล็ก ๆ ในเขตเทศบาลแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ห่างจากมาร์แซย์ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ในอันดับสองของฝรั่งเศสราว 33 กิโลเมตร หากเปรียบบุคลิกของเเอ็กซ์ ก็คงเหมือนนักเรียนกฎหมายที่แอบซ่อนความเป็นอาร์ตตีส ดูเผิน ๆ เหมือนเป็นเด็กรักตำรา แต่พอเผลอกลับคว้าพู่กันไปวาดรูปเล่น ประวัติของเมืองนี้ย้อนไปได้กว่า 2,000 ปี โดยเริ่มต้นในราว 123 ปีก่อนคริสตศักราช ในช่วงสมัยกลางเคยเกรียงไกรในฐานะที่เป็นศูนย์กลางของพรอวองซ์ ในปี ค.ศ.1501 พระเจ้าหลุยส์ที่ 12 ทรงโปรดให้สถาปนารัฐสภาแห่งพรอวองซ์โดยจัดตั้งที่ประชุมสภาไว้ที่นี่ ส่งผลให้ช่วงปลายศตวรรษที่ 15 มีความเจริญรุ่งเรือง เป็นเมืองศูนย์กลางการศึกษา ตึกรามบ้านช่องที่หรูหราคลาสสิกส่วนใหญ่เป็นสถาปัตยกรรมยุคบาโรก (Baroque) จนเมื่อเข้าสู่ช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศส ในปี ค.ศ.1789 ความสำคัญของเมืองแอกซ์ในฐานะที่เคยเป็นศูนย์รวมอำนาจจึงต้องยุติบทบาทลง
ที่พักใน Aix en Provence:https://www.agoda.com/pages/agoda/default/DestinationSearchResult.aspx?pcs=1&cid=1796430&city=6573&sort=agodaRecommended
มีแหล่งน้ำที่ออกแบบก่อสร้างกระจายอยู่ทั่วไป
อากาศในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม นับว่ากำลังดีต่อการไปเยี่ยมเยือน เสื้ออุ่น ๆ สักตัวกับผ้าพันคอสวย ๆ สักผืน ก็เพียงพอกับอุณหภูมิราว 18-22 องศาเซลเซียส สิ่งหนึ่งที่ไม่สังเกตก็ต้องเห็นนั่นคือน้ำพุมากมายเต็มเมืองสมกับชื่อแอ็กซ์ (Aix) ที่แปลว่า “น้ำ” เราขอสบตากันก่อนด้วยการแวะไปนั่งจิบกาแฟแอบดูผู้คนกันที่ถนนกูร์ มิราบูร์ (Cours Mirabeau) ชอบอารมณ์ถนนสายสั้น ๆ ที่มี ของต้นเพลนขนาดใหญ่ปลูกเรียงรายไปตามสองฟากฝั่งถนน ตลอดแนวยาว 440 เมตร ต้นเพลน (Platanus) ที่แผ่กิ่งก้านอยู่นี้เป็นต้นไม้ตระกูลเดียวกันกับมะเดื่ออเมริกัน มีลักษณะเด่นคือเปลือกของต้นที่โตเต็มที่จะแปรสภาพเป็นเกร็ดขนาดใหญ่ ภายหลักจากสลัดผิวออกจะเผยให้เห็นเนื้อในที่มีลักษณะเรียบและอ่อนนุ่ม ความสูงของต้นเพลนที่ลงตัวกับช่วงกว้างของถนนซึ่งเป็นเลนซ้อนที่กว้างถึง 42 เมตร
การเดินทางจากกรุงเทพ: britishairways.com
สองฟากถนนปลูกต้นแพลน มีอาคารคลาสสิก Cr,pic.: geo.uoregon.edu/
นอกจากจะเว้นที่ไว้ให้รถผ่านแล้ว ยังเผื่อที่ให้คนเดินเล่นกันอย่างไม่หวงที่ดินเลย สองฝั่งถนนนอกจากต้นเพลนแล้ว ยังขนาบสองข้างด้วยอาคารคลาสสิก เป็นร้านอาหารสลับกับคาเฟ่ที่วางโต๊ะเก้าอี้หน้าร้าน เหมาะแก่การนั่งจิบกาแฟชิมวิวกันอย่างเพลินใจ บนถนนเส้นนี้มีร้านกาแฟชื่อดังอายุเก่าแก่ ซึ่งทั้งคาเฟ่และร้านอาหารเปิดบริการมาตั้งแต่ ปี ค.ศ.1792 ชื่อเลเดอกักซองส์ (Les Deux Garçons) เป็นร้านโปรดของจิตรกรชื่อดังอย่างปอล เซซาน ปิคาสโซ หรือนักร้องเสียงโซปราโน อย่างเอดิต เพียฟ เคยมาบ่อย ๆ หากคุณไม่อยากตามรอยเท้าคนดังในอดีต ก็มีร้านอื่น ๆ เรียงรายให้เลือกตามอัธยาศัย
ร้าน Les Deux Garçons , Cr.pic.: I Love Paris
ภาพวาดของ Paul Cézanne จากทัศนียภาพที่มองเห็นจาก Cézanne's Studio, Cr.pic.: Robert Fields
พูดถึงปอล เซซาน (Paul Cézanne) ครั้นจะไม่ขยายความก็เท่ากับมาไม่ถึงเมืองแอ็กซ์ จิตรกรคนสำคัญชาวฝรั่งเศสในลัทธิประทับใจยุคหลัง (Post-Impressionism) เกิดที่เมืองแอกซ์ จึงไม่น่าแปลกใจที่ชื่อของเขายังเป็นชื่อของมหาวิทยาลัยอายุ กว่า 600 ปีนั่นคือ “Paul Cézanne University” ซึ่งเคยเป็นสถาบันที่เขาเข้ามาศึกษากฎหมายในระหว่างปี ค.ศ.1858-1861 หากคุณพอมีเวลาอยากทำความรู้จักกับเขาให้มากขึ้น ขอแนะนำให้ไปเยือนเซซานสตูดิโอ (Cézanne's Studio) ซึ่งปอล เซซานใช้เงินราว 2,000 ฟรังซ์ ซื้อที่แปลงสวยขนาด 7,000 ตารางเมตร บนเนินเขา Lauves ไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ.1901 ด้วยความงดงามของบรรยากาศบนเนินที่รายล้อมด้วยต้นมะกอก มีลำธารเล็กๆ ไหลผ่าน มองเห็นวิวพาโนรามาของทิวเขาแซงก์ วิกตัวร์ (Sainte Victoire) ซึ่งปรากฎในคอลเล็กชั่นภาพเขียนชิ้นสำคัญของเขาในเวลาต่อมา
การเดินทางจากกรุงเทพฯ: emirates.com
สตูดิโอของ Paul Cézanne Cr.pic.: Robert Fields
ที่สตูดิโอแห่งนี้ คุณจะไม่ได้เห็นผลงานของจิตรกรชื่อก้องหรอกนะ แต่จะได้เห็นทุกอย่างที่เคยมีชีวิตอยู่ในช่วงที่เขายังมีลมหายใจ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อโค้ท หมวก แจกัน ขวด พอร์ซเลน กระจาดผลไม้ ฯลฯ ซึ่งล้วนแล้วแต่เคยเป็นหุ่นนิ่งให้เซซานใช้เป็นแบบวาดภาพอันทรงพลัง ซึ่งต่อมาได้ส่งต่ออิทธิพลไปยังลัทธิคิวบิสม์ (Cubism) วัยเด็กของปอล เซซาน ไม่ได้ลำบาก แต่แทนที่เขาจะเลือกเป็นนักกฎหมายอย่างที่ร่ำเรียนมา กลับเลือกเส้นทางของจิตรกรซึ่งทำให้เขาจากโลกนี้ไปอย่างอ้างว้าง หลังจากการพยายามออกไปวาดรูปท่ามกลางหิมะที่หนาวเหน็บ จนกระทั่งล้มป่วยลงและเสียชีวิตด้วยอาการปอดบวม เซซานสตูดิโออาจจะหายากหน่อย ต้องตั้งใจไปถึงจะเจอแต่รับรองว่าคุ้มค่ากับการได้สัมผัสถึงแรงบันดาลใจของจิตรกรคนสำคัญของโลก พร้อมตอบคำถามที่ว่าทำไมประเทศฝรั่งเศสจึงเป็นแหล่งกำเนิดของจิตรกรชื่อดังมากมาย
การเดินทางจากกรุงเทพฯ: qatarairways.com/
พิพิธภัณฑ์กราเน็ต (Musee Granet) Cr.pic.:Pays d'Aix Métropole AMP
หลังจากที่ได้มีโอกาสไปชมข้าวของเครื่องใช้ และบรรดาหุ่นนิ่งที่ปอล เซซาน ใช้เป็นหุ่นให้วาดภาพไปแล้ว ก็ถึงเวลาไปดูภาพเขียนจริง ๆ เสียที เราแวะไปที่พิพิธภัณฑ์กราเน็ต (Musee Granet) ที่นั่นนอกจากจะมีคอลเล็กชันสำคัญของปอล เซซาน แล้ว ยังที่เป็นรวบรวมและจัดแสดงผลงานมาสเตอร์พีซในตำนานของจิตรกรระดับโลกอีกมากมาย ปีหนึ่ง ๆ มีงานชิ้นสำคัญหมุนเวียนมาให้ชมไม่ต่ำกว่า 12,000 ชิ้น
Plan your Trip in Aix en Provence:https://www.aixenprovencetourism.com/en/plan-your-trip/
The Resurrection of Christ (1610) Cr.pic.: M. Clo
ติดกันกับพิพิธภัณฑ์กราเน็ตคือวิหารเซนต์จอห์น (Église Saint-Jean-de-Malte) ซึ่งเป็นโบสถ์ของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาธอลิค สถาปัตยกรรมโกธิค แห่งแรกในเมืองแอ็กซ์ มีอายุไม่ต่ำกว่า 700 ปี สร้างขึ้นราวปี ค.ศ.1270 ภายในวิหารแห่งนี้มีภาพเขียนชิ้นสำคัญจากฝีมือจิตรกรแห่งยุคอยู่หลายภาพ หนึ่งในนั้นคือภาพ The Resurrection of Christ (1610) ซึ่งเป็นภาพการฟื้นคืนชีพของพระเยซูคริสต์ซึ่งงดงามจากปลายพู่กันของจิตรกร Louis Flinson ผู้มีพรสวรรค์ในการถ่ายทอดเรื่องราวในคัมภีร์ไบเบิลได้อย่างเข้าถึงจิตวิญญาณ
อาคาร The Place d’Albertas Cr.pic.: Provence Rugby Officiel
สำหรับผู้หลงใหลการเที่ยวชมเมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของตึกเก่า ๆ สุดคลาสสิก ความน่าตื่นตาตื่นใจยังไม่หยุดอยู่แค่อาคาร 2 หลังนี้ ที่จัตุรัสแปร์เซอร์ (Place des Precheurs) มีสถานที่สำคัญ ๆ เช่น โบสถ์มาเดอลีน (Eglise de la Madeleine) และศาลยุติธรรม (Palais de Justice) ถ้ามีเวลาซอกแซกลองแวะไปดูอาคาร The Place d’Albertas ที่ให้ความรู้สึกราวกับหลุดเข้าไปอยู่ในโลกแห่งอดีต ด้วยตัวอาคารสีเหลืองอมส้มอมเหลืองสไตล์นีโอคลาสสิกหลังนี้เคยเป็นที่สำราญโลกีย์ของท่านสุภาพบุรุษยุคปี 1700’s ซึ่งระเบียงโลหะชั้นสองของอาคารหลังนี้ที่โอบล้อมลานน้ำพุไว้ตรงกลาง หากมองดี ๆ คือสัญลักษณ์ของลึงค์ซึ่งเป็นการโฆษณาให้ผู้มาเยือนรู้ว่าที่นี่มีไว้เพื่อวัตถุประสงค์ใด
เสน่ห์ย่านเมืองเก่า Cr.pic.: Linh NguyenบนUnsplash
ย่านเมืองเก่าหรือ Old Aix จะเติมความอิ่มเอมให้คุณได้เต็มตา เรียกว่าทุกหัวมุมตึก หัวมุมระเบียง มีเสน่ห์ซุกซ่อนให้คุณค้นหา พร้อมทั้งแต่งแต้มชีวิตชีวาด้วยธุรกิจหลากหลาย ทั้งคาเฟ่ ร้านอาหาร แกลเลอรี เรียงราย แทรกแซมไปด้วยน้ำพุโรมัน และสีสันของตลาดนัดและแผงขายสินค้าพื้นเมือง ที่มีผักสด ผลไม้ ไส้กรอก ชีส มะเขือเทศ น้ำมันมะกอก ไม้ดอก ไม้ประดับ ของที่ระลึก
บรรยากาศเมืองเก่า Cr.pic.: Linh NguyenบนUnsplash
เที่ยวเมืองเก่าสไตล์คลาสสิกกันแล้ว ลองไปหาสีสันใหม่ ๆ ดูบ้าง The Bibliotheque Mejanes คือแลนด์มาร์กอีกแห่งที่แฟนนักอ่านเจ้าชายน้อยต้องแวะไปเก็บภาพ ด้วยสถานที่แห่งนี้ออกแบบได้อย่างสะดุดตาให้เป็นสันหนังสือขนาดใหญ่ 3 เล่มวางอยู่ตอนปลายของตัวอาคาร หนึ่งในนั้นคือ “เจ้าชายน้อย” (Le Petit Prince) ผลงานของอองตวน เดอ แซงแตก-ซูเปรี ซึ่งขึ้นชั้นวรรณกรรมเยาวชนระดับโลก ซึ่งบ่งบอกว่าที่นี่มีห้องสมุดสาธารณะและงานวิจัยให้ผู้สนใจได้อ่านกัน
The Bibliotheque Mejanes Cr.pic.: chasingtheturtle.wordpress.com
Bubble Hotel
หากคุณต้องการสัมผัสประสบการณ์พักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติแบบใกล้ชิดสุด ๆ ซึ่งหาไม่ได้จากที่ไหน ลองขับรถออกไปประมาณ 20 กม.จากเมืองแอกซ์ The Attrap’Rêves Bubble Hotel จะให้ประสบการณ์พิเศษของการนอนใน Bubble Hotel ซึ่งออกแบบห้องพักของคุณให้เป็นเหมือนลูกแก้วกลมใส ให้ประสบการณ์ของการอยู่ท่ามกลางธรรมชาติแบบ 360 องศา แต่ก็หรูหราด้วยเตียงนุ่มขนาดคิงไซส์ พร้อมกล้องส่องดูดาวให้คุณมองหาวงแหวนของดาวเสาร์ หรือจะแค่นอนมองฟ้าด้วยตาเปล่าดูดวงดาวเปลี่ยนตำแหน่ง จนพระอาทิตย์รุ่งแจ้งสว่างตาเปล่าก็ย่อมได้ เพียงแค่สละความมิดชิดไปสักนิด คุณจะได้รับสัมผัสประสบการณ์เข้าถึงธรรมชาติอย่างลุ่มลึกในมิติใหม่ และมีดีไซน์ จากผลงานการออกแบบอันแสนเก๋ล้ำของ Pierre Stéphane อีกบรรยากาศของการพักผ่อนกลางป่าที่แตกต่างจากเต็นท์แคมป์ซาฟารีอย่างสิ้นเชิง
ทุ่งลาเวนเดอร์ที่โพรวองซ์
มาถึงแอ็กซองโพรอวองซ์ทั้งที หากไม่ได้ดูทุ่งลาเวนเดอร์ให้เห็นกับตาคุณคงกลับเมืองไทยไม่ถูกแน่ ฤดูที่เหมาะสมกับการชมดอกลาเวนเดอร์เบ่งบานเต็มทุ่งอยู่ในช่วงเดือนมิถุนายนไม่เกินสิงหาคม ที่นี่มีบริการทัวร์ทุ่งลาเวนเดอร์ที่หลากหลาย ทั้งแบบครึ่งวันเช้า ครึ่งวันบ่าย และทัวร์เต็มวัน ค่าบริการต่อหัวอยู่ที่ 50-65 ยูโรไปจนถึง 90-110 ยูโร แล้วแต่รายละเอียดของทริป
หากไปเยือนแอ็กซองพรอวองซ์แนะนำให้คว้าหนังสือวรรณกรรมฝรั่งเศสติดมือไว้สักเล่มเผื่อมีอารมณ์เปิดอ่านยามนั่งร้านกาแฟ เมืองนี้ผู้คนไม่ได้พลุกพล่านหรือรีบเร่งอย่างนครปารีส ด้วยบุคลิกของเด็กเรียนผสมเด็กศิลป์ ที่พร้อมจะเปิดเผยความลับตามซอกตึกผ่านสายตาซุกซนช่างสังเกตของนักท่องเที่ยว นี่คือจุดหมายที่หยิบยื่นความกลมกล่อมของสถาปัตยกรรมคลาสสิก ผสานเรื่องราวของศิลปินคนสำคัญของโลก และความรื่นรมย์ของดอกลาเวนเดอร์ ที่ฉายภาพคำว่า “พรอวองซ์” ในจินตนาการที่คุณได้อย่างกลมกล่อมกำลังดี
How to go there....
The best time to travel....
Where to stay...
Booking
ทัวร์เที่ยวชมทุ่งลาเวนเดอร์
ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.aixenprovencetourism.com/en/blog/excursions-lavender-fields/
ABOUT THE AUTHOR
POSTED BY travelbaradmin | Sunday, November 10, 2019 - 09:21
admintator for web Travellerbar.com
LEAVE A COMMENT